วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ข้าบดินทร์ โดยวรรณวรรธน์

นิยายที่ทำให้รักแผ่นดินไทยยิ่งขึ้นไปอีก...


ข้าบดินทร์ โดยวรรณวรรธน์
“ ข้าคือข้าแห่งบดินทร์
พ่อข้าคือพระยาถือน้ำพระพัทสัจจ...
คำประกาศตนของคนรักแผ่นดิน หวงแผนแผ่นดิน ก้องกระหึ่มท้องนภา เทพยดาฟ้าดินขาดรับกึกก้อง
พ่อข้าเฝ้าสอน...อ้ายเหม ถึงเจ้าจะเป็นเศษเสี้ยวธุลีของแผ่นดิน แต่จงรู้จงจำไว้ แผ่นดินให้อะไรกับเจ้า และตัวเจ้าเองมีความหมายเพียงใดต่อแผ่นดิ
 ใช่! จงทำตัวเป็นเศษธุลีที่มีค่าของผืนแผ่นดิน!
หากใครจะรู้ กว่า อ้ายเหม จะยืนหยัดบนธรณีเป็น หลวงสุรบดินทร์ รับใช้แผ่นดิน ชะตากกรมของมันพลิกผันแปรเพียงใด
ความผิดที่ตระกูลไม่ได้ก่อน หากต้องรับเบี่ยงข้าแผ่นดินของพระยาผู้ถือน้ำ...ข้าจะรักษาแผ่นดินยิ่งกว่ารักษาชีวติ  แลโทษทัณฑ์ขุนางถือน้ำพระพัทสัจจา ขัดต่อรับสั่งแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว คนเป็นถึงพระยาย่อมรู้อยู่แก่ใจ...
จักต้องริบราชบาตร ฟันเรือน...ประหารบั่นคอ!
เจ้าเหม...พ่อไม่ใช่คนขี้ขลาดที่จะไม่กล้ารับมือกับสิ่งที่กำลังจะมาถึง แต่คนเราถึงแม้จะเก่งกล้าสักเพียงใด ก็ไม่อาจทัดทานหาญสู้ได้ทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องโชคชะตา บางครั้งก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่สองมือคนเราจะรับไหว เพียงการเผชิญหน้ากับเรื่องอาชญาแผ่นดิน มิใช่พ่อที่ต้องรับโทษทัณฑ์เท่านั้น แต่หมายรวมถึงตัวเจ้าและแม่ของเจ้าจะต้องรับชะตากรรมนี้ไปกับพ่อด้วย
ด้วยคำสั่งของแผ่นดิน ข้าแผ่นดินผู้จงรัก...ถึงกับหมดศักดิ์สิ้นศรี ทั้งตระกูลถูกตีตรวนขื่อคา....แม้รักษาหัวไว้มิให้ถูกบั่นได้ แต่ตัวก็ตกต้องไปเป็น 'ตะพุ่น' ต่ำต้อยเกี่ยวหญ้าในโรงช้าง!
นานนัก...นานจนไม่อยากนับให้ทุกข์ทรมาน กับชีวิตตะพุ่น! จะรู้ว่า 'เสดียง' แห่งกรมช้างนอก ' อ้ายเหม ' ตะพุ่นที่แสนต้อยต่ำนี้เขนจบในวิชาอาทมาต หนึ่งในศาสตร์ลึกล้ำของตำราพิชัยสงครามที่ขาดหายไป มิใช่เชี่ยวชาญเพียงสามแม่ไม้เพลงหลัก คลุมไตรภพสยบสิงขน ย้อนฟองสมุทร อันเป็นหัวใจของเพลงดาบ
หากสามารถแตกลูกไม้เพลงรุกรับได้ดั่งใจ คล่องแคล่วไหลลื่นราวกับสายน้ำ ว่ากันว่า..นี่คือเพลงดาบของแผ่นดิน คู่แผ่นดิน แลเมื่อเพลงดาบสองมือถูกบรรเลงถูกที่ถูกเวลา ปรากฎต้องสายตาเจ้าพระยาบดินทรเดชา ผู้กล้าศึก
ชะตาชีวิตของ อ้ายเหม ก็พลิกขึ้นนับแต่นั้น
เทวดาของผืนแผ่นดิน ย่อมปกปักรักษาคนกล้า คนดีของผืนแผ่นดินนั้นเสมอ!!!
นับเนิ่นสอบปีในความทุกข์ระบบ ไม่มีใครลืมวันคืนที่แสนสาหัส หากบางสิ่งกลับจารึกแน่นหนาในหัวใจ ' อ้ายเหม ' ยามที่ไม่มีแม้มือใดหยิบยื่น มือน้อยน้อยนั้นหลั่งรินดุจสายธราราฉ่ำชื่น
น้ำใจครั้งนั้น เป็นดั่ง 'ยาใจ' ต่อชีวิตให้ลุกขึ้นสู้
หากก็ไม่เคยคิดหวังว่าตนจะได้หวนมาพบเจ้าลำดวน ที่ยามนี้เจ้าช่างงามละมุนตายิ่งนัก เช่นนี้...อีกครั้ง
ลำดวนเอยเคยตระหลบ        กลิ่นอายอบสบนาสา
นึกถึงนาฏกลิ่นบุหงา            จำจากเจ้าเฝ้าถวิล
รวยรื่นคืนจันทร์จ้า              พี่ปรารถนาเพียงยุพิน
ห่างไกลเพียงห่างถิ่น            หวังเพียงเจ้าเฝ้าคะนึง
เจ้าลำดวนง ร่างน้อยพบกันครั้งนี้...เสน่หาเหมือนโรคา เจอเข้าไปเหมือนไข้ป่า ชายใดตกต้องบ่วงเสน่หาเป็นได้กระวนกระวาย'แตกตื่นราวกับคลื่นทะเลถูกภูเขาถม ...ไม่ผิดอย่างคำเขาว่าเลย
หากเกิดเป็นคนหาญกล้า เฉกข้าบดินทร์
ศึกรบยังไม่เคยหวั่น ศึกรักไยต้องเกรง!

' วรรณวรรธน์' บรรเลงเพลงรักระหว่างรบ ผ่านหน้าประวัติศาสตร์ที่คนไทยต้องจารจำ เล่าเขาดั่งตำนานว่า...ครั้งหนึ่งคนกลุ่มหนึ่งกระทำการเยี่งใด

เพื่อจักได้ชื่อว่าเกิดมาเป็น...ข้าแห่งบดินทร์

ปกใหม่ มีนาคม 2555...อยากได้คร่าาาาาาาาาาาาา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น