วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภูอิงฟ้าผาแต้มดาว ตอนที่ 5




ลานชมดาวเป็นลานโล่งกว้างอยู่ห่างจากตัวเรือนชมดาวประมาณ 500 เมตร  กลางลานมีเวทีที่สร้างด้วยไม้ยกพื้นสูงมีบันได 3ขั้น ด้านหน้ามีม้านั่งสีขาวตัวยาวซึ่งนั่งได้ตัวละ 2-3 คนวางไว้เป็นแถวๆแบบคู่ขนาน มีทางเดินอยู่ตรงกลางระหว่างแถวของม้านั่ง รอบๆลานถูกประดับไปด้วยต้นไม้ ที่มีทั้งไม้ดอก ไม่ประดับและไม้ยืนต้นขนาดใหญ่

นอกจากจากนี้รอบนอกลานชมดาวยังมีซุ้มไม้ตั้งกระจัดกระจายอยู่ประมาณ 4-5 ซุ้ม แต่ละซุ้มถูกประดับด้วยไม้เลื้อยไม้เถาว์ทั้งชนิดให้กลิ่นหอมและให้ดอกสวย ซึ่งตอนนี้ล้วนแต่ผลิใบสีเขียวคลุมประดับหลังคาซุ้ม น้ำจากฟ้าช่วงต้นฤดูฝนทำให้ไม้เลื้อยบางชนิดเริ่มมีดอกแซมขึ้นมาให้เห็นประปราย กลิ่นหอมอ่อนๆล่อให้ผีเสื้อ แมลงปอ อีกทั้งนกตัวเล็กๆบินมาเชยชมสีสันสดสวยและดอมดมความหอมหวานเหล่านั้น

แสงแดดอ่อนๆผสมกับสายลมเย็นธรรมชาติที่พัดเอื่อยๆในเวลาบ่ายแก่ๆ ทำให้แขกจากเมืองหลวงเลือกที่จะจับกลุ่มกลางลานโล่งแทนการนั่งในซุ้ม บางส่วนนั่งคุยกันที่ม้านั่งตัวยาว  หลายคนก็เลือกที่จะยืนคุยกัน และมีบางคนที่กำลังยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง เสียงคุยกันอย่างสนุกสนานออกรสออกชาติ ทำให้เกิดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะผสานกับเสียงนกร้องรอบๆบริเวณนั้น  เมื่อภูผาเดินมาถึงลานชมดาว เขามองไปยังกลุ่มแขกจากเมืองหลวงสายตาของเขาก็เห็นคนที่คุ้นเคย ชายหนุ่มหนึ่งในกลุ่มที่ยืนหันหลังให้เขา เพียงเห็นด้านหลังภูผาก็คุ้นตา รูปร่างที่สูงโปร่งตามแบบฉบับของทหาร รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้า

เขาสาวเท้ายาวๆตรงไปหา พร้อมโบกมือเชิงทักทาย     อินทร อินทร

ชายหนุ่มในชุดเสื้อแขนสั้นสีดำกางเกงลายพรางทหารหันมาทันทีที่ได้ยินชื่อตนเอง อ้าวภู หวัดดีเพื่อน ไม่คิดว่าจะเจอกันที่ผาแต้มดาว อินทรเดินมาจับมือทักทายภูผา

ภูผาหัวเราะน้อยๆ กระชับมืออีกฝ่ายเบาๆก่อนจะปล่อย ทำยังไงได้ล่ะ ทุกอย่างมันกระทันหัน หาคนดูแลรับผิดชอบไม่ทัน ฉันก็รับหน้าที่แทนภูฟ้าชั่วคราว

 แต่ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา ผาแต้มดาวก็เหมือนบ้านหลังที่สองของนายอยู่แล้ว อินทรกอดอกมองเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานพอสมควร

อืม! ก็อย่างที่รู้ ว่าแต่มากันกี่คนล่ะอินทร ภูผาหันซ้ายขวามองดูแขกที่ยืนจับกลุ่มไม่ห่างกันมากนัก

ก็ประมาณ 10 กว่าคนล่ะ มา มารู้จักกันก่อน พวกเรามารู้จักนายภูผากันหน่อย อินทรหันไปเรียกคนในคณะ แนะนำภูผาสั้นๆว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าภูฟ้า จะมาทำหน้าที่รักษาการณ์ผู้นำเขตชั่วคราวในระหว่างที่เจ้าภูฟ้าไปประจำที่ภูอิงฟ้า หลังจากนั้นอินทรก็แนะนำคนในคณะให้ภูผารู้จักทีละคน ซึ่งในคณะประกอบด้วยครู หมอ นายช่าง ผู้เชี่ยวชาญการเกษตร ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่องค์เหนือหัวจักรเมฆาส่งมาเพื่อศึกษาปัญหาต่างๆของผาแต้มดาว เพื่อจะได้หาแนวทางป้องกันและแก้ไขต่อไป

 ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ระหว่างที่เจ้าภูฟ้าไม่อยู่ผมยินดีอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ทุกท่านสบายใจได้ครับ ผมรู้จักผาแต้มดาวพอๆกับรู้จักตัวเองนั่นแหละภูผากล่าวต้อนรับสั้นๆ หลังจากนั้นก็ถือโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกับทุกคน

อันทีจริงคณะจากเมืองหลวงทุกคนได้รับแจ้งมาก่อนแล้วว่าผู้นำเขตผาแต้มดาวเสียชีวิตกระทันหันจากอุบัติเหตุ ผู้เฒ่าซึ่งเป็นตัวแทนผู้อาวุโสสูงสุดจากทั้ง 5 เขตยังไม่มีการคัดเลือกผู้นำคนใหม่ เพียงมีมติว่าให้เจ้าภูฟ้ารั้งตำแหน่งผู้นำเขตผาแต้มดาวชั่วคราวไปก่อนจนกว่าจะพ้นฤดูฝน จึงจะเริ่มพิจารณาคัดเลือกผู้นำเขตคนใหม่

เมื่อทักทายพูดคุยกับคนอื่นๆพอสมควรแล้ว ภูผาก็เลี่ยงไปคุยกับอินทรตรงม้านั่งกลางสนามนั่นเอง ว่าแต่เจ้านายทรงพระสำราญดีหรือ คำว่าเจ้านาย ของภูผาหมายถึงองค์เหนือหัวจักรเมฆานั่นเอง

พระวรกายน่ะทรงสำราญดีอยู่หรอก แต่พระราชหฤทัยไม่ค่อยจะแน่ใจ ก็ทรงมีพระราชดำริหลายเรื่องพร้อมๆกันเหลือเกิน จนพวกเสนาบดีสนองราชโองการไม่ทันนะสิ ออกจะหงุดหงิดพระทัยหน่อยๆเหมือนกัน

เรื่องประชาชนก็ยังพระทัยร้อนเหมือนเดิม ภูฟ้าบอกว่าจะเสด็จที่ภูจันทราด้วยพระองค์เอง ภูผาพูดอย่างรู้พระอัธยาศรัยแห่งองค์จักรเมฆา

ก็ยังโชคดีที่ภูฟ้าห้ามไว้ เกรงจะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยพระราชบิดา อินทรกล่าวด้วยน้ำเสียงปนเศร้าเมื่อเอ่ยถึงเรื่องราวที่ผ่าน

ฉันก็เห็นด้วยนะ เรื่องคราวนั้นยังทำให้ชาวภูแสนผาโศกเศร้าไม่หาย โดยเฉพาะราษฎรที่เขตภูจันทรา จนทุกวันนี้ยังทำใจกันไม่ได้ ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้ว

ก็คงอีกนานกว่าทุกคนจะหายเศร้า แต่เรื่องลืมนี่คงยากหน่อย

พระองค์ท่านทรงเป็นที่รักยิ่งของประชาชนทุกคน พวกเขาต้องจำไม่มีวันลืมหรอก ภูผาตบไหล่เพื่อน ด้วยรู้ดีว่าอินทรกับอัคนินนั้นจงรักภักดีต่อราชวงศ์มากแค่ไหน

ภูผาเห็นป้าอินตากำลังเดินนำสาวๆยกสำรับมาที่ลานชมดาว ไปทานข้าวกันเถอะ โน่นแน่ะป้าอินตากับสาวๆยกสำรับมาแล้ว ภูผาลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวเชิญคนอื่นๆ  เชิญทุกท่านทานอาหารครับ ท่าทางป้าอินตาจะเตรียมสำรับมื้อใหญ่มาต้อนรับ

 วันนี้ป้าอินตาเตรียมสำรับไว้ที่ซุ้มหิรัญญิกา ซึ่งเป็นซุ้มที่ใหญ่ที่สุดพอดีสำหรับจำนวนแขกที่มา ภูผากับคณะแขกนั่งโต๊ะเรียบร้อยและเริ่มลงมือรับประทาน ป้าอินตาที่ยืนใกล้ๆภูผาก็ทำท่าชะเง้อชะแง้เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกับหาอะไรสักอย่าง

ป้าจ๋าป้า ภูผาที่นั่งตรงข้ามกับอินทรเรียก แต่คนที่เอาแต่ชะเง้อคอกลับไม่สนใจ ภูผาเลยแกล้งจั๊กจี้เอวอ้วนๆกลมๆของป้าอินตาแทน

คราวนี้ป้าตกใจปัดไม้ปัดมือภูผาให้วุ่น อุ๊ย นายภู อย่าสิคะ ป้าจั๊กจี้นะคะ

ก็ผมเรียกป้าแล้ว ป้าไม่ได้ยินนี่ครับ  ชะเง้อชะแง้แลตาหาชายหนุ่มคนไหนอยู่จ้ะภูผาประสานมือใต้คางตัวเอง เอียงหน้ามองป้า

ชายหนุ่มที่ไหนล่ะค่า ป้าอินตาสงค้อนวงใหญ่ใส่นายภู แล้วก็พาลไปทางอินทรอีกคน นายอินทรแน่ะ ลืมใครอีกคนไปหรือเปล่าคะนี่ ป้าอินตายกอินทร ให้เป็นนายอีกคน จากนี้ไปผาแต้มดาวคงจะมีนายๆเพิ่มมาอีกหลายคนเทียว ก็คนในคณะจากเมืองหลวงนั่นแหละ

อินทรมองไปรอบๆโต๊ะ ทุกคนก็มากันครบแล้วนี่นา ใครล่ะครับป้า มือถือช้อนที่ทำท่าจะตักอาหารเข้าปากก็ต้องวางพักไว้ก่อน

ต๊าย นี่นายอินทร ลืมคนสำคัญคนเดียวในคณะไปได้ยังไงคะ ก็ครูดาราไงล่ะคะ

ชื่อครูดาราทำเอาอินทรกับคนอื่นๆบนโต๊ะลุกพรวดอย่างลืมตัว เฮ้ย จริงสิครับป้า โอ๊ย ผมนี่แย่จริง ลืมองค์ดาราไปได้ยังไงนี่เรา ตายล่ะหว่า ลืมใครไม่ลืม ลืมเจ้านายตัวเอง หัวจะขาดก็ตอนนี้แหละ

ก็แย่นะสิค่ะ ครูก็อีกคน หายไปไหนอีกแล้วคะนี่ ป้าอินตาพูดโดยไม่มองหน้าอินทรที่ตอนนี้กลับไปนั่งลงตามเดิม

  หายไปอีกแล้ว คราวนี้อินทรยิ่งต้องประหลาดใจกับคำว่า อีกแล้ว ของป้าอินตาที่ตอนนี้ก็ยังตั้งคอชะเง้อหาครูอยู่นั่นเอง

ก็ อีกแล้ว สิคะ นายอินทร นี่ท่าจะไม่รู้เรื่องล่ะสิ ป้าทำตาประหลับประเหลือกมองอินทรเชิงต่อว่าหน่อยๆ

แล้ว อีกแล้ว ของป้าเนี่ย มันเรื่องอะไรล่ะจ้ะป้า คราวนี้อินทรทำสุ้มทำเสียงสนิทสนม ด้วยหน้าตาท่าทางป้าอินตาในตอนนี้ทำให้อินทรนึกถึงแม่ แล้วดูสิท่าทางป้าคงจะเอ็นดูคนที่ถูกเรียกว่า ครู อยู่ไม่น้อย แล้วไอ้ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยครูนั่นก็อีก ช่างเหมือนแม่ของเขาจริงๆ แม่ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงพระนมในตำหนักหลวง

ก็ตอนที่พวกนายๆไปพักผ่อนกันน่ะค่ะ ครูมาคุยกับสาวๆในครัวได้สักพักก็บอกว่าจะไปเดินเล่นแถวๆเรือน

ก็แค่ไปเดินเล่น ไม่ได้ซนอย่างป้าว่าซะหน่อย อินทรที่นั่งตั้งอกตั้งใจฟังป้าถึงกับอมยิ้มแกมส่ายหน้าน้อยๆ ความซนของครูใช่ว่าอินทรจะไม่คุ้นเคย เขาจึงถือเป็นเรื่องปกติ  

โอ๊ย ที่ไหนได้ล่ะค่ะกลับมาอีกทีเนื้อตัวเปื้อนโคลนไปหมดเลยค่า ป้าอินตาทำหน้าทำตาทำสุ้มทำเสียง ออกท่าออกทางจนคนในคณะอดหัวเราะไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเนื่องด้วยทุกท่านที่ร่วมโต๊ะในขณะนี้ล้วนแต่ได้ประสบและซาบซึ้งใจดีถึงความซนของคนที่ป้าเรียกว่า ครู

อ้าว แล้วป้าไม่รู้เหรอจ้ะว่าครูของป้าน่ะ ไปคลุกโคลนที่ไหนมา คราวนี้ภูผาซึ่งนั่งยิ้มพรายฟังป้าเล่าอยู่นานก็อดร่วมวงไม่ได้

ก็เห็นว่าไปช่วยลูกนกที่พลัดตกจากรัง ช่วยอีท่าไหนก็ไม่รู้ถึงได้คลุกโคลนมาซะขนาดนั้น ป้าเล่าไปก็สงสัยไปด้วยว่าครูไปทำอีท่าไหนถึงได้กลับเรือนในสภาพนั้น บอกป้าว่าหิวข้าวขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ป้ายังไม่ทันถามให้ได้ความก็วิ่งปรู๊ดหายไปพร้อมๆกับอินแปง ดูสิป่านนี้ยังไม่ยอมลงมา พูดจบก็หันชะแง้แลหาครูอีก โดยที่ไม่ได้สังเกตว่าทุกคนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่นั้นใบหน้าเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มแกมเอ็นดูคนที่ถูกเอ่ยถึง

อินทร ท่าทางครูดารา จะได้แม่นมเพิ่มอีกคนซะละมั้ง นายคงไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้วเสียงจากคนในคณะพูดกับอินทร เมื่อเห็นท่าทางของป้า

แม่นม เสียงภูผานั่นเอง ส่วนป้าอินตาก็หันมามองคนโน้นที คนนี้ทีด้วยความสงสัย

ก็ครูดาราน่ะครับ เธอมีแม่นมที่... อินทรเอียงคอมองป้าอินตา รูปร่างหน้าตา ท่าทางก็คล้ายๆป้าอินตาเนี่ยแหละ ถ้าห่วงเรื่องความซนของครูล่ะก็ ป้าคงได้บ่นอีกนาน พอๆกับแม่นมของครูที่เมืองหลวงนั่นแหละ ป่านนี้ก็คงบ่นเป็นห่วงครูให้วุ่น เรื่องที่ใครสักคนจะมีแม่นมมันไม่แปลกหรอกสำหรับภูผา  แต่เขาแปลกใจกับประโยคที่ว่า นายคงไม่ต้องห่วงอีกแล้ว มากกว่า หมายความว่ายังไง  เถอะ อยู่ไปนานๆก็คงจะรู้เอง

แหม ป้าคงไม่กล้าบ่นครูหรอกค่า ป้าอินตาเริ่มรู้ตัวว่า ทำอะไรเกินหน้าที่ตัวเองไปหน่อย เสียงก็เลยเริ่มอ่อยๆลงบ้าง

โอ๊ย ป้าครับ บ่นด้วยความเป็นห่วง บ่นไปเถอะครับ ผมฝากครูกับป้าด้วยก็แล้วกันนะครับ ในคณะมีผู้หญิงคนเดียว ความไม่สะดวกก็มีหลายอย่าง มีป้าอยู่ผมก็ค่อยหายห่วง ภูผามองหน้าอินทรอย่างสงสัย ก็แล้วอินทรจะห่วงอะไรครูหนักหนา

มาแล้วค่ะ มาแล้ว ขอโทษด้วยนะคะ ที่ดารามาช้า เสียงแจ้วๆของครูนั่นเอง ทำเอาทุกคนในโต๊ะตั้งท่าจะลุกขึ้นต้อนรับอย่างลืมตัว แต่อินทรนั่นเองที่ทำให้ทุกคนรู้สึกตัวแล้วรีบนั่งลงตามเดิม แต่ก็ไม่พ้นสายตาคนช่างสงสัยอย่างภูผาไปได้ และก็ทันได้เห็นเจ้าของเสียงใสส่งสายตาเขียวๆไปยังคนบนโต๊ะอาหารอย่างถ้วนหน้า

คนที่เพิ่งมาถึงเดินมากอดเอวป้าอินตาหลวมๆ ป้าอินจ๋า มีอะไรทานบ้างเอ่ย

  มาได้ซะทีนะคะ ป้ากำลังนินทาอยู่เชียว มืออูมๆของป้าวางบนแขนเรียวที่โอบเอวตนอยู่

ครูปล่อยมือที่กอดป้าออก มองหน้าป้าอย่างสงสัย นินทาอะไรดาราจ้ะ แล้วก็เดินอ้อมไปนั่งลงเก้าอี้ว่างข้างอินทรนั่นเอง

ก็นินทาว่าครูไปซนจนตกบ่อโคลนมานะสิครับ ภูผามองหญิงสาวที่นั่งข้างอินทร แล้วเป็นคนบอกซะเอง

  อ๋อ แล้วนายภูไม่ได้บอกป้าเหรอค่ะ ว่าดาราไม่ได้ตกคนเดียว มีนายภูตกเป็นเพื่อน มีคนร่วมคลุกโคลนก็เลยไม่เหงา คำพูดของครูบอกให้ทุกคนรู้ว่าได้รู้จักกับภูผาเรียบร้อยแล้ว โน่นแน่ะป้าไปบ่นนายภูเลย

เอ๊ะ อ๋อ อะไรดีๆ ที่แท้อะไรดีๆ ของนายภูมีที่มาแบบนี้นี่เอง มิน่าล่ะ นายภูนี่ร้ายจริง ป้าอินตาก้มลงไปกระซิบกับภูผาที่ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่อยู่ก่อนแล้ว

เอาล่ะป้า ครูมาแล้วก็เลิกบ่นซะทีนะจ๊ะ ครูหิวข้าวแย่แล้ว เชิญทานอาหารต่อได้เลยครับทุกท่าน ครู่แน่ะทานเยอะๆนะป้าเขาคงทำสุดฝีมือ นานๆจะมีสาวๆสวยๆมาให้ป้าดูแลสักคน ภูผาพูดเน้นคำว่าสาวๆสวยๆ ซึ่งเฉพาะป้าอินตาเท่านั้นที่เข้าใจความหมายลึกๆนั่น

ค่ะ ขอบคุณนะจ๊ะป้า กล่าวขอบคุณจบครูก็ตั้งหน้าตั้งตาทานอาหาร ป้าอินตามองท่าทางนั้นอย่างเอ็นดู ช่างไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็น อะไรดีๆ ของนายภูผาไปแล้ว

ระหว่างที่รับประทานอาหาร ภูผาก็มีเวลาพินิจพิจารณาหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องกับเขาอีกครั้ง ใบหน้ารูปไข่แก้มอิ่มผุดผาด ริมฝีปากจิ้มลิ้มรับกันเหมาะเจาะทั้งริมฝีปากล่างและริมฝีปากบนจมูกเป็นสันดวงตากลมโตแพรวพราว ขนตานั้นก็ทั้งงอนทั้งยาว  คิ้วดำเรียวเล็ก ส่วนทรวดทรงองค์เอวนั้นคงไม่ต้องพูดถึง ภูผาเผลอยิ้มกว้างจนคนที่ถูกมองรู้สึกตัวมือที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากชะงักอยู่อย่างนั้น

เออ ว่าแต่นายมาที่ผาแต้มดาวนี้นานแล้วเหรอ เสียงอินทรทำให้รอยยิ้มของภูผาหุบลงทันที เรียกให้ครูที่กำลังชะงักกลับมาสนใจกับอาหารตรงหน้า

  ก็ตั้งแต่ที่องค์เหนือหัวมีพระราชดำริกับภูฟ้าเรื่องส่งคณะทำงานมาที่นี่  ฉันก็มาอยู่นี่ตลอดไม่ได้กลับเชียงใหม่จะเกือบปีแล้วนะ ป่านนี้พ่อคงตัดออกจากกองมรดกแล้ว ขณะที่ตอบคำถามอินทรสายตาภูผาก็แอบมองคนที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้า

พ่อเลี้ยงคงไม่เท่าไหร่มั้ง ห่วงแต่สาวๆของนายเถอะ จริงไหมจ้ะป้า อินทรอดกระเซ้าเพื่อนไม่ได้ แถมเรียกหาป้าอินตาเข้าพวกซะอีก

จริงค่า เสียงค่าของป้าอินตายาวกว่าปกติ

โธ่ ป้าก็ ไปเห็นดีเห็นงามกับอินทรไปได้ ภูผาหันมาทำเสียงอ่อยใส่ป้า แล้วก็หันมาต่อว่าเพื่อนกลายๆ แล้วอินทร นายก็พูดเหมือนไม่รู้จักฉันดี

รู้ดีสิค่า ถึงได้ห่วงสาวๆ พวกนั้นน่ะ จริงไหมคะนายอินทร ป้าอินตาไม่ยอมเห็นใจได้โอกาสเติมเชื้อเข้าไปอีก หันไปพยักเพยิดกับอินทร

ฮ่าๆๆ คราวนี้อินทรเอาแต่หัวเราะขำท่าทางกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกของเพื่อนและท่าทางของป้าอินตาที่ขยิบตาให้เขานั่นก็อีก คงคิดจะแกล้งเจ้านายล่ะสิ

ภูผาแอบมองหญิงสาวคนเดียวที่ร่วมโต๊ะทั้งที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะตั้งอกตั้งใจกับอาหารตรงหน้าโดยไม่สนใจคำสนทนาของเขากับอินทร แต่ก็ทำเอาภูผาก็ร้อนๆหนาวๆ เกรงว่าจะถูกเข้าใจผิด โธ่ ป้าคร๊าบ จะแกล้งอะไรภูล่ะครับ

ไม่ได้แกล้งค่า ใครจะกล้าแกล้งนายภูล่ะค่า ป้าอินตาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจคนพูดที่อ้อนสุดฤทธิ์ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติล่ะก็ป้าจะใจอ่อนกับคำพูดจ๊ะ จ๋า ภูยังงั้นนภูอย่างงี้ เสมอ แต่เวลานี้ป้ารู้ทันหรอกน่านายภู โธ่ คงกลัวครูดาราจะเข้าใจผิดล่ะสิ ดีจะแกล้งซะให้เข็ดเชียว ป้าอินตาหมายมาดในใจ

ก็ ใครคนนี้ไง วันนี้เป็นอะไรจ้ะป้า ถึงได้ตั้งท่าจะแกล้งภูนัก คนขี้อ้อนถือโอกาสกอดเอวคนที่พูดว่าไม่กล้าจะแกล้ง พร้อมรอยยิ้มประจบหวังว่าจะหยุดป้าอินตาได้

โอ๊ย ใครจะกล้าคะ นายอินทรแน่ะรู้ดีกว่าป้าหรอก ได้ข่าวว่ากินนอนอยู่กับนายภูที่เชียงใหม่หลายปีดีดัก ประโยคนี้ของป้าทำเอาหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวมองหน้าอินทรที ภูผาทีอย่างสงสัย

อินทรรู้จักกับนายภูมาก่อนเหรอจ๊ะ เสียงของครูดาราช่วยชีวิตภูผาไว้แท้ๆ แต่เอ๊ะ! คำพูดเนี่ยมันดูสนิทสนมกันเกินไปหรือเปล่าหว่า

จ้ะ ก็ตั้งแต่สมัยตามเสด็จองค์เหนือหัวไปศึกษาต่อที่ประเทศไทยน่ะ แล้วน้ำเสียงที่แสนจะอ่อนโยน บวกกับท่าทางเกรงอกเกรงใจของอินทรที่มีต่อครูนั่นอีก มันหมายความว่าไง

ก็นานมากนะสิจ๊ะ คำพูดจ้ะ จ๊ะ ที่แสดงความสนิทสนมระหว่างอินทรกับครู ทำให้ภูผาหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย สนิทสนมกันขนาดนี้เชียว

ก็นานพอจะรู้เรื่องสาวๆของนายภูเขาแหละค่า โธ่ป้านะป้า ภูผามองป้าอย่างระอาแกมหมั่นไส้ วกเข้าเรื่องนี้อีกจนได้สิน่า

ป้าคร๊าบ พอเถอะนะครับ คราวนี้ภูจริงจังนะครับ ขอร้องล่ะ นะครับป้าอินตาที่รัก

อู๊ย นายภูค่า แล้วที่ผ่านมาน่ะนายภูไม่ได้จริงจังกับสาวๆพวกนั้นเหรอค่า ป้าอินตายังไม่ยอมเลิกรา คำออดอ้อนนั้นป้าก็แกล้งทำไม่ได้ยินซะงั้น หมั่นไส้นักเอาซะให้เข็ด

ก็ไม่ได้จริงจังนะสิครับ ถ้าจริงจังป้าก็ได้นายหญิงไปนานแล้วสิ ภูจะอยู่เป็นโสดมาจนป่านนี้เหรอจ้ะ

นั่นนะสิครับป้า เลิกแกล้งนายภูเถอะ ขืนป้ายังแกล้งต่อแล้วเขาจริงจังขึ้นมา ป้าอินตาจะเสียใจนะ อินทรชักเริ่มจะเห็นใจเพื่อนก็เลยรีบห้ามทัพก่อนที่ป้าอินตาจะต้อนภูผาจนมุม

ก็มันน่าหมั่นไส้นี่คะ อยากจะแกล้งซะให้เข็ด ป้าอินตาอดส่งค้อนให้ภูผาไม่ได้ ก่อนจะเดินไปเติมน้ำดื่มในแก้วของครูดารา

ว่าแต่นายเถอะภู ท่าทางจะยึดผาแต้มดาวเป็นเรือนนอนซะล่ะมั่ง อินทรพูดอย่างรู้และเข้าใจเพื่อนรัก

  ก็ไม่แน่นะอินทร บางทีฉันจะยึดเป็นเรือนตายเลยก็ได้ หากว่าอะไรๆเป็นไปดั่งใจคิด จริงไหมจ้ะป้าจ๋า ภูผาตั้งใจพูดให้ดังขึ้นและแอบส่งสายตาให้หญิงสาว ประโยคสุดท้ายหันไปหาคนที่คิดว่าน่าจะเป็นพวกเดียวกันได้  

ค่า แล้วสาวๆที่เชียงใหม่น่ะ จะเอาไปทิ้งไว้ไหนค่ะ นั่นไง พลาดท่าให้คนได้ค่อนแคะจนได้สิน่า ภูผาได้แต่ตำหนิตัวเองในใจ เมื่อพูดอะไรไม่ออกสุดท้ายก็ทำตาละห้อย

เออ ก็จริงอย่างป้าว่านะ สาวๆของนายเขาจะยอมเร้อ อินทรพูดหลังจากรวบช้อนเมื่อจัดการกับอาหารคำสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว

  แหม สาวๆพวกนั่นน่ะ เขาเข้าใจฉันดีทีเดียว อีกอย่างปีกว่าๆที่ฉันไม่ได้กลับเชียงใหม่ ป่านนี้เขาก็คงหันไปซบอกคนอื่นไปแล้ว ภูผาตอบรอยยิ้มขำๆปรากฎบนใบหน้าเมื่อนึกถึงสาวๆที่เขาเคยควงไม่ซ้ำหน้าจนได้รับฉายาคาสโนว่าเมืองเชียงใหม่ แต่ใครจะรู้จักเขาดีเท่าสาวๆพวกนั้นหละ

ก็ไม่ใช่ว่าอินทรจะไม่รู้ ความมีชื่อเสียงของภูผาในฐานะลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงผาเมืองกับแม่เลี้ยงเพียงฟ้า วิศวกรหนุ่มโสด รูปร่างหน้าตาที่ดูเก๋ เท่ห์ตามสไตล์ลูกครึ่งคนภูเขา บวกกับความที่เป็นคนมีอัธยาศรัยที่ดี ไม่ถือตนว่าเหนือกว่าผู้อื่น นิสัยร่าเริงอารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ เป็นเสน่ห์ดึงดูดให้สาวๆเรียงแถวเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก  อินทรรู้ดีว่าเพื่อนรักมีสิ่งที่เขาผูกพันและหลงใหลยิ่งกว่าผู้หญิงพวกนั้นซะอีก

ด้านหนึ่งภูผาคือคาสโนว่าชื่อดังของเชียงใหม่ แต่อีกด้านเขาคือนักพัฒนาและนักอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นตัวยงเป็นเจ้าของและประธานมูลนิธิรักษ์เฮือนนอนที่เขาก่อตั้งขึ้นด้วยแนวคิดเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เวลาโดยส่วนใหญ่ของเขาหมดจึงไปกับการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเพื่อศึกษาวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบท้องถิ่น รวมทั้งการรวมกลุ่มคนในพื้นที่เพื่อเป็นตัวแทนถ่ายทอดและรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นเหล่านั้นให้ยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น แต่คนส่วนใหญ่กลับจดจำเวลาส่วนน้อยในชีวิตของเขาซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องผู้หญิง

หลังจากการรับประทานอาหารเสร็จสิ้นลง ภูผาได้แจ้งกับแขกทุกคนว่าพรุ่งนี้จะมีการทำบุญเลี้ยงพระที่วัดดารารายวรมหาวิหารซึ่งเป็นวัดประจำเขตผาแต้มดาว ป้าอินตาและสาวๆที่เรือนชมดาวต้องเตรียมอาหารไปรวมกับชาวบ้านคนอื่นๆที่วัดตั้งแต่เช้ามืด เขาได้เชิญคณะจากเมืองหลวงทุกท่านไปร่วมทำบุญที่วัดเพื่อถือโอกาสพบปะพูดคุยกับชาวบ้านไปด้วย เมื่อตกลงนัดแนะเวลานัดพบในตอนเช้าเรียบร้อยแล้ว แขกทุกคนจึงแยกย้ายไปพักผ่อนที่เรือนรับรองที่ทางป้าอินตาได้จัดเตรียมไว้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น