ร่างที่ลอยคออยู่ในลำำนารา พยายามพยุงตัวเองเท่าที่พละกำลังจะมี ผลุ่บๆโผล่ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้คนบนฝั่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยสายตา เวลาผ่านไป ตอนนี้ร่างกายชักเริ่มจะอ่อนแรงลง เสียงก็เริ่มจะหายไปทีละน้อย สร้างความกังวลใจกับคนบนฝั่งที่ทั้งวิ่งทั้งตะโกน ตาก็ต้องคอยมองจุดเล็กๆในลำน้ำไม่ให้คลาดสายตา
“ อาภา อาภา อดทนหน่อยนะ พี่กำลังจะไปแล้ว ” คนที่เป็นทั้งองครักษ์เป็นทั้งพี่ตะโกนเสียงดังแข่งกับสายฝนที่ตอนนี้เริ่มซาลงบ้างแล้ว
“ เอ๊ะ นั่นใคร “ อัคนินแปลกใจ เพราะจู่ๆก็มีคนกระโดดลงไปในลำนารา ว่ายน้ำตรงไปยังร่างองค์อาภา
“ ช่วยด้วย เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อาภา เหนื่อย เหลือเกิน ” เสียงรำพึงอย่างอ่อนแรง ก่อนที่ร่างจะจมไปกับลำนารา แต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีมือใครสักคนมาฉุดมือที่ทำท่าจะจมหายไปในลำนารา และพยายามพยุงร่างที่กำลังจะจมมิจมแหล่ให้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ
“ หือ ใคร ช่วยเรา ด้วย ”
“ ไม่เป็นไร เจ้าปลอดภัยแล้ว ” น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นหน้าและหูก็ได้ยินไม่ค่อยชัดเจน แต่องค์อาภารู้สึกได้ถึงความปลอดภัย จึงปล่อยองค์เองไปตามแรงของคนที่กำลังพยายามช่วยเหลือพระองค์
“ ทางนี้ท่าน อ้าว เอ๊ะ เจ้า... “ น้ำเสียงตื่นเต้น ดีใจระคนแปลกใจ เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มที่ช่วยเหลือองค์อาภาได้ถนัดตา
“อ้าว ท่านราชองครักษ์ ช่วยหน่อย เร็วเข้า ก่อนที่เราจะหมดแรงซะก่อน” ชายหนุ่มที่ยังอยู่ในลำนาราบอกอัคนินพร้อมกับส่งร่างหญิงสาวให้กับอัคนิน
“ ส่งอาภามา เร็วเข้า “ อัคนินพูด พร้อมกับยื่นมือรับร่างองค์อาภาขึ้นมาริมตลิ่ง
“ พ่อ ” เสียงครางเบาๆ
“ อาภา พี่เอง พี่อัคนินไง น้องปลอดภัยแล้ว“ อัคนิน
“ อัคนิน...” เสียงหายเท่านั้น เพราะตอนนี้องค์อาภาเหนื่อยเกินกว่าจะตรัสสิ่งใดได้
“ อ้าว รู้จักกันเหรอ “ ชายหนุ่มที่เพิ่งขึ้นมาจากลำนาราทัก เมื่อเห็นอัคนินเรียกชื่อหญิงสาวที่ตนเพิ่งช่วยเหลือ
“ อืม ก็คณะที่จะไปภูแสนผานั่นแหละครับเจ้า โชคดีจริงที่ท่านช่วยไว้ทัน ข้าวิ่งตามจนเกือบจะถอดใจซะแล้ว ขอบคุณท่านมาก ”
“ อย่าเพิ่งขอบอกขอบใจกันตอนนี้เลย รีบๆพาแม่หญิงไปที่ถ้ำเถอะ ก่อนที่จะหนาวตายซะก่อน ”
“ ถ้ำ...เอ๊ะ...อ๋อ! “ น้ำเสียงอัคนินแปลกใจแต่ก็นึกถึงคำตองแลเคยบอกว่าบริเวณนี้มีถ้ำอันเป็นที่พักสำหรับคนเดินทางอยู่
“ อืม ใกล้ๆนี้เอง เป็นที่พักชั่วคราวของคนเดินทางน่ะ ” ชายหนุ่มบอกกับอัคนิน
“ ข้านึกออกแล้วเพราะตองแลบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้ว งั้นท่านช่วยนำไปเถอะ “ อัคนินช้อนร่างองค์อาภาไว้ในอ้อมแขน
“ ตามมา “ ชายหนุ่มเดินนำไปยังถ้ำซึ่งก็ไม่ไกลจากลำนาราเท่าไหร่นัก เดินสักพักก็ไปถึงถ้ำ
ภายในถ้ำดูกว้างขวางพอสำหรับคนสัก 10-20 คนพักได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีไม้กั้นที่ถูกสร้างแบบง่ายๆแบ่งส่วนพื้นที่ถ้ำให้เป็น 2 ส่วน อัคนินเดาว่าคงเป็นการแบ่งพื้นที่สำหรับชายกับหญิงให้นอนกันได้สะดวกนั่นเอง
“ ให้แม่หญิงนอนบนผ้าข้านั่นเถอะ มีผ้าห่มอยู่ ห่มให้นางไปก่อน “ ชายหนุ่มชี้ไปบนผ้าที่ปูแบบง่ายข้างๆกองไฟที่เขาจุดไว้ก่อนที่จะออกไปนอกถ้ำ
“ ขอบคุณมากครับเจ้า “ อัคนินเอ่ยพร้อมวางร่างองค์อาภาลงบนผ้าพร้อมกับคลี่ผ้าห่มคลุมให้องค์อาภา
“ ได้ห่มผ้า นอนใกล้ๆ กองไฟแบบนี้ จะได้อุ่นเร็วขึ้น ไม่งั้นไข้ป่าจะถามหาซะก่อน “ ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเติมฟืนในกองไฟที่ใกล้จะมอดเต็มที
อัคนินทำตามที่ชายหนุ่มแนะนำ เมื่อเรียบร้อยแล้ว ตนเองก็นั่งผิงไฟอยู่ใกล้ๆกับองค์อาภานั่นเอง
“ ว่าแต่ เจ้าภูฟ้า มาทำอะไรแถวนี้ครับ“ อัคนินถามชายหนุ่มที่ชื่อ เจ้าภูฟ้า
“ มาสำรวจน้ำน่ะ ปีนี้ฝนมาเร็วกว่าทุกปี ท่าทางจะตกมากกว่าทุกปีด้วย “
“ โชคดีที่เจ้าช่วย องค์...เออ..อาภา ไว้ “
“ คงโชคดีของแม่หญิง จริงๆแล้วเรากะจะนอนพักเอาแรงระหว่างที่ฝนตก แต่เปลี่ยนใจออกไปที่ลำนาราดีกว่า ก็อยากจะดูความแรงของน้ำน่ะ เราคิดว่าปีนี้น้ำป่าคงจะมากและแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา “ เจ้าภูฟ้าอธิบายต่อ โดยไม่สนใจคำที่หลุดออกจากปากอัคนิน
“ แล้วนี่ แม่หญิงคนนี้ เป็นคนที่จะไปภูแสนผาด้วยกันหรือ ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงด้วย เห็นท่าจะลำบากนะ เพราะหนทางจากนี้ไปจะสูงชันยิ่งกว่านี้มาก “ ชายหนุ่มถามและเดาไปพร้อมๆกัน
“ ใช่ แล้วครับ อาภา เป็นครู แล้วก็เป็นหมอครับ เป็นคนที่ทางส่วนกลางส่งมาน่ะครับ แล้วก็เป็นน้องสาวของกระผมด้วย “
“ อ้อ เป็นครู แล้วก็เป็นหมอด้วย ดีจริง แต่เอ๊ะ เราไม่ยักรู้ว่าเจ้ามีน้องสาวด้วย “ ภูฟ้ามองหญิงสาวตรงหน้าที่นอนอยู่ใกล้ที่อัคนินอย่างแปลกใจ เพราะที่ผ่านมาเท่าที่รู้จักถึงขั้นสนิทสนมกับกับอัคนิน เจ้าภูฟ้ารู้ว่าชายหนุ่มเป็นราชองครักษ์ในองค์เหนือหัวจักรเมฆา และเป็นบุตรชายของเสนาบดีขวาที่เจ้าภูฟ้ารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี น่าแปลกที่ตลอดเวลาอัคนินไม่เคยเอ่ยถึงน้องสาว
“ ลูกพี่ลูกน้องน่ะท่าน “ อัคนินแก้ตัว
“ นั่นนะสิ เราก็รู้ว่าท่านเสนาบดีมีลูกชายเพียงคนเดียว คือเจ้านี่น่า แล้วนี่ มีผู้หญิงมาด้วยกี่คนล่ะ “ ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับตั้งคำถาม
“ ถ้ามากับคณะกระผมก็คนเดียวครับ แต่ไปที่ผาแต้มดาวอีกคน ก็เป็นน้องสาวฝาแฝดของอาภาน่ะครับ “
“ หือ อาภา น้องสาวฝาแฝดเหรอ ไม่นึกว่านอกจากองค์เหนือหัวแล้ว เมืองเรายังมีแฝดอีกคู่ องค์เหนือหัวเป็นแฝดสาม แต่น้องสาวเจ้าเป็นแฝดสอง แต่ก็โชคดีนะได้น้องสาวทีเดียว 2 คนเลย ท่าทางจะไม่เบาเลยนะ พ่อแม่นางจึงกล้าปล่อยให้มาป่าภูเขาแบบนี้” คำพูดแกมเอ็นดูจากชายหนุ่ม ทำให้อัคนินหันไปมององค์อาภาพร้อมกับยิ้มแหยๆในหน้า เพราะไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปแน่ๆ สู้นิ่งเงียบหรือเปลี่ยนเรื่องคุยซะจะดีกว่า
“ เออ จริงสิ เดี๋ยวกระผมต้องออกไปตามคณะที่มาด้วยกัน ” ทางเลี่ยงที่ดีที่สุดตอนนี้ก็เห็นจะเป็นเรื่องนี้แหละ
“ ไม่ต้องหรอก ตองแลต้องพาคณะมาที่นี่แน่ คนภูแสนผาทุกคนรู้จักถ้ำนี้เป็นอย่างดี อย่ากังวลไปเลย เจ้าน่ะตัวเปียกไม่แพ้ครูหมอนั่น ทำตัวให้แห้งเถอะไม่งั้นจะแย่ไปอีกคน แล้วจะไม่มีคนดูแลน้องสาวจอมแก่นนั่นนะ “ เจ้าภูฟ้ายกตำแหน่งน้องสาวจอมแก่นให้องค์อาภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อัคนินได้แต่ยิ้มอย่างถูกใจกับตำแหน่งนั่น ดูเถิดขนาดนอนสลบไสลแบบนี้ ยังทำให้คนอื่นดูออกจนได้ว่าเจ้าตัวน่ะแก่นแก้วแค่ไหน อัคนินคิดพลางขณะลุกขึ้นเดินไปผนังถ้ำอีกด้าน
“ นี่ เสื้อคลุม ข้าเตรียมมาเผื่อ เจ้าเอาไปเปลี่ยนซะ ” ภูฟ้าส่งเสื้อคลุมตัวยาวแบบพื้นเมืองของภูแสนผาให้
“ ขอบคุณมากครับเจ้า “ อัคนินรับเสื้อคลุมมาเปลี่ยน
“ ไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็เลิกใช้คำห่างเหินกับข้าเสียที ทำตัวให้เหมือนตอนที่เราอยู่ที่เมืองไทยเถอะ “ ภูฟ้าพูดขณะเดินมานั่งข้างๆกองไฟ
“ โทษทีว่ะภู มันออกมาโดยอัตโนมัติน่ะ “ อัคนินยิ้มน้อยๆ อดขำกับคำพูดและท่าทีของตนเองไม่ได้ เมื่อเปลี่ยนมาเป็นคำพูดแบบกันเองกับภูฟ้า
จริงๆแล้วอัคนินรู้จักคุ้นเคยกับเจ้าภูฟ้ามาตั้งแต่เด็ก เนื่องด้วยท่านเสนาบดีบิดาของอัคนินนั้นเป็นสหายสนิทของเจ้าผู้ปกครองภูแสนองค์ก่อน ซึ่งเป็นบิดาของเจ้าภูฟ้า ทั้งคู่มีโอกาสได้พบกันบ่อยๆ สมัยที่ยังเด็กจนกระทั่งเติบใหญ่ เพราะความสนิทสนมของครอบครัวรุ่นบิดา ส่งผลมาถึงรุ่นลูกทำให้เจ้าภูฟ้าและอัคนินสนิทสนมถึงขั้นถือเป็นสหายสนิทกันทีเดียว
ถึงแม้ทั้งเจ้าภูฟ้าและอัคนินจะเติบโตและแยกย้ายทำหน้าที่ของตนเอง แต่ความสนิทสนมของทั้งสองไม่ได้ลดลงไปเลย ทั้ง 2 ครอบครัวยังคงติดต่อไปมาหาสู่กันเสมอ ทุกครั้งที่เจ้าภูฟ้ามีโอกาสเดินทางมาประชุมข้อราชการในเมฆราชคีรี ก็จะต้องไปพักที่เรือนท่านเสนาบดีบิดาของอัคนินทุกครั้ง จนถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เองเจ้าภูฟ้าจึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าเหนือหัวจักรเมฆาและกลายเป็นพระสหายคนสนิทอีกคน ด้วยความสนิทสนมเป็นการส่วนพระองค์นี่เอง ทำให้โครงการในพระราชดำริขององค์เหนือหัวรัชกาลก่อนถูกสานต่อภายในเวลาไม่นาน
“ อืม...พี่อัคนิน “ เสียงเรียกเบาๆจากคนที่นอนหลับไปนาน เรียกเจ้าภูฟ้าให้รู้สึกตัวจากอาการพักสายตาด้วยการหลับตานิ่งๆ
“ ฟื้นแล้วหรือ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง อย่าเพิ่งรีบลุกเลย “
“ โอ๊ย...เอ๊ะ ท่านเป็นใครน่ะ “ องค์อาภาพยายามยันพระองค์เพื่อประทับนั่งแต่ไม่สำเร็จ มองชายหนุ่มหน้าตาคมเข้ม ที่มองมายังพระองค์อย่างแปลกใจกับแววตาอบอุ่นนั่น
“ เราชื่อภูฟ้า “ เจ้าภูฟ้ามองหญิงสาวตรงหน้า ที่ตนเองให้ฉายาว่า “จอมแก่น” ดวงตาฉายแววอบอุ่นพร้อมกับยิ้มนิดๆมุมปาก เพราะขำกับฉายาที่ตัวเองตั้งให้หญิงสาว
“ ท่านช่วยเราไว้ใช่ไหม แล้วอัคนินล่ะ อัคนินไปไหน “ องค์อาภาถามเบาๆ แต่เนตรงามยังจับอยู่ที่หน้าชายหนุ่ม ยิ้มอะไร?
“ อ้อ พี่ชายเจ้า อัคนินออกไปนอกถ้ำสักพักแล้ว เจ้านอนพักอีกหน่อยเถอะ ดูยังอ่อนเพลียอยู่เลย “ ภูฟ้ากล่าวและยังคงอดยิ้มต่อไปไม่ได้ ยิ่งได้เห็นสายตาของหญิงสาว ดวงตาที่ฉายแววซุกซนออกท่าจะรั้นหน่อยๆ มองมาที่เขา เหมือนไม่แน่ใจ
“ เออ...เรา...ไม่...” องค์อาภาตะกุกตะกัก ยังไม่ทันจะตรัสอะไร ชายหนุ่มก็ดักคอขึ้นมาซะก่อน
“ นอนเถอะ ไม่ต้องกลัว เราอยู่นี่ทั้งคน “ ชายหนุ่มแกล้งเย้า รอยยิ้มขำปรากฏเมื่อเห็นท่าทางองค์อาภาและแววตาดูเกรงๆกลัวๆนั่น
“ ก็ นั่นหละ เรา...เออ “ ก็เพราะท่านนั่นแหละ เราถึงไม่กล้าจะนอน องค์อาภาดำริในพระทัย
“ น่า ไม่ต้องกังวลหรอก เรานั่งเฝ้าเจ้ามาตั้งนานแล้วนะ ถ้าเราจะทำอะไรเจ้าก็คงทำไปนานแล้ว ถ้าเราไม่น่าไว้ใจ อัคนินคงไม่ปล่อยน้องสาวให้อยู่กับเราสองต่อสองหรอกน่าเจ้าภูฟ้าพูดหวังจะให้องค์อาภาสบายใจขึ้น
“ ท่านกับพี่อัคนิน “ น้ำเสียงองค์อาภาแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ ใช่ เราเป็นเพื่อนรักกันน่ะ ได้ยินแล้วสบายใจพอจะนอนต่อได้หรือยัง หรือว่าหน้าตาเราดูไม่น่าไว้ใจ “ ภูฟ้าทำน้ำเสียงล้อเลียน
“ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย เพียงแต่ “ องค์อาภาพระพักตร์ง้ำพยายามแก้ต่าง แต่ก็ถูกขัดคอจากคนตาสวยจนได้ ผู้ชายอะไรตาสวยยิ่งกว่าผู้หญิง คนอื่นเขาใช้ปากยิ้ม แต่ตาคนนี้ยิ้มทั้งตายิ้มทั้งปาก
“ เอาน่า นอนพักเถอะ เราไม่กวนเจ้าแล้ว จะนั่งเงียบๆ อยู่ตรงโน้น “ เจ้าภูฟ้าชี้นิ้วไปฝั่งตรงข้ามพลางขยับลุกไปนั่งตามที่บอกจริงๆ แต่ก็ยังอดส่งยิ้มขำๆมาให้หญิงสาวไม่ได้ เป็นผู้หญิงกล้าเดินทางมาภูแสนผากับผู้ชายทั้งคณะแล้วจะกลัวอะไรกับเราคนเดียว
องค์อาภาเห็นรอยยิ้มคนตาสวยที่มองตรงมา พาลทำองค์ไม่ค่อยจะถูก เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็แกล้งหลับซะเพื่อจะได้ไม่ต้องสบกับสายตาซ่อนยิ้มนั้น แต่คงเพราะความเพลียที่ยังหลงเหลืออยู่ประกอบกับความรู้สึกไว้วางใจคนที่นั่งเฝ้า ทำให้องค์อาภาหลับไปอีกครั้ง
ภูฟ้าแอบมองคนที่นอนหลับอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มน้อยๆปรากฎ นึกแปลกใจตัวเองที่สามารถนั่งมองหญิงสาวคนนี้ได้อย่างไม่เบื่อหน่าย ตั้งแต่อัคนินออกจากถ้ำไปจนถึงเวลานี้ ก็ยังอดที่จะจ้องมองไม่ได้ ผู้หญิงที่ตนเองคิดว่าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ เถอะ ให้ไปถึงภูแสนผาก่อนแล้วจะรู้ว่าไม่ธรรมดาจริงหรือเปล่า ภูฟ้าคิดในใจแล้วก็อดที่จะทำเสียงในลำคอฮัมเพลงโปรดของตนเองไม่ได้
So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น