วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลิ่นแก้วหิมาลัย ตอนที่ ๒




ตลาดริมชายแดนพันวาสี บรรยากาศในตอนเช้าที่พลุกพล่านไปด้วยพ่อค้าแม่ขาย ชาวบ้านที่ออกมาจ่ายตลาดกันตั้งแต่ยังไม่สว่างดี เสียงตะโกนโหวกเหวกของพ่อค้าแม่ขายเชิญชวนให้ลูกค้าชมและซื้อสินค้าของตนเองดังตลอดสองข้างทางที่เต็มไปด้วยร้านรวงซึ่งสร้างเป็นเพิงแบบง่ายๆ แต่ว่าคงความแข็งแรง สินค้าส่วนใหญ่เป็นของในท้องถิ่นซึ่งเจ้าของคงปลูกไว้กินในครัวเรือน เมื่อเหลือกินก็นำออกมาขาย หรือตั้งใจปลูกไว้เพื่อขายโดยเฉพาะ บางส่วนก็เป็นพืชผักผลไม้ที่หาได้ทั่วไปในป่าบริเวณนี้ ทุกอย่างล้วนแต่สดและใหม่

นอกจากร้านรวงที่ขายพืชผักและอาหารสดๆที่ยังไม่พร้อมทานแล้ว ภายในตลาดยังมีร้านขายอาหารพร้อมทานสำหรับผู้ใช้แรงงานบริเวณชายแดนด้วย ซึ่งดูจากจำนวนลูกค้าแล้วคงจะเป็นที่นิยมพอสมควรเพราะมีลูกค้าที่เป็นทั้งชาวพันวาสีและชาวไทยที่อยู่บริเวณชายแดนมานั่งรับประทานกันแทบทุกร้าน ร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศน่านั่ง เป็นจุดหมายของทั้งสามคน

หาอะไรทานก่อนดีกว่าว่ะ ร้อยล้าน ยัยปันแน่ะสั่งกาแฟกับขนมปังให้ด้วยนะ พันกรชวนพันแสนนั่งที่โต๊ะด้านนอกร้าน ในขณะที่ปันนรีเดินไปสั่งอาหารเช้าด้านในร้าน

คึกคักดีนะ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเข้ามาในเขตพันวาสีแล้ว พันแสนมองไปรอบๆดูบรรยากาศบริเวณตลาดริมชายแดน

นั่นนะสิ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบรรยากาศของคนที่สูญเสียอิสรภาพ พันกรเองก็สังเกตเห็นความคึกคักในตลาดได้ชัดเจน

อาจจะเป็นเพราะติดชายแดนไทยก็ได้นะ บรรยากาศก็เลยไม่เคร่งเครียดมาก เพราะความสัมพันธ์และข้อตกลงกับรัฐบาลเรา ที่นายพลยังต้องรักษาไว้ เพราะความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับพันวาสีที่มีมายาวนาน เมื่อมีเหตุการณ์ภายในเกิดขึ้นกับพันวาสีเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับชายแดนที่ติดกับประเทศไทย ทั้งสองฝ่ายจึงมีข้อตกลงที่ถือปฏิบัติกันมาหลายปี ทำให้บริเวณชายแดนของสองฝ่ายยังคงสงบสุขมาจนถึงทุกวันนี้

พี่แสน พี่กร เมื่อกี้ตอนที่ปันสั่งกาแฟอยู่น่ะ ได้ยินผู้ชายคนหนึ่งบอกกับเจ้าของร้านล่ะ เสียงกระซิบเบาๆของปันนรีทำให้การสนทนาหยุดชั่วคราว

ว่า ? “ เสียงสองหนุ่มดังพร้อมกัน

นายน้อยคืนฐานหน้า ปันนรีวางถาดอาหารเช้าบนโต๊ะก่อนจะโน้มตัวไปใกล้ พูดพอให้ได้ยินแค่สามคน

หมายความว่าไง   พันกรมองหน้าปันนรีสลับหน้าพันแสน แววตาบอกว่าไม่เข้าใจพอๆกับน้ำเสียง

แล้วใครคือนายน้อย ปันนรียังไม่ตอบคำถามของพันกร พันแสนก็ถามขึ้นมาซะก่อน

ไม่รู้ดิ๊ ได้ยินแค่นั้น เพราะตาเจ้าของร้านเขาห้ามไอ้หนุ่มคนนั้นไว้ก่อน คงเผลอพูดออกมา แต่แอบเห็นสีหน้าสีตาเจ้าของร้าน ดูจะตื่นเต้นและดีใจกันอยู่ ปันนรีบอกขณะมือไม้ก็หยิบขนมปังปิ้งเข้าปาก ตามด้วยกาแฟ

ไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าตื่นเต้นกันแค่ไหน ดูนั่นสิ พันกรพยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงให้เพื่อนหันไปมองจุดที่เจ้าของร้านยืนอยู่ในขณะที่ปากเคี้ยวขนมปัง  ก่อนจะยกกาแฟซดตาม

  ท่าทางจะเป็นข่าวใหญ่นะนั่น พันแสนเอ่ยเมื่อมองไปทางจุดที่พันกรบอกก็เห็นเจ้าของร้านถูกรุมล้อมด้วยชาวบ้านทั้งชายและหญิง ไม่เว้นแม้แต่เด็กเล็กไปถึงเด็กโต

ดูหน้าตาแต่ละคนตื่นเต้นดีใจกันใหญ่ ก็คงเป็นคนสำคัญแหละ

หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง คงพูดอะไรกันไม่ได้มากหรอก ดูสิทหารของนายพลเต-ราห์ ลาดตระเวนมาถึงนี่เชียวหรือ พันกรสะกิดทั้งสองคนและจุ๊ปากให้ระวัง

นั่นสิ ปกติแล้วไม่น่าจะมาถึงชายแดนฝั่งนี้นะ น่าจะไปที่ฐานหน้า ฟากโน้นมากกว่า คำว่าฐานหน้าที่พันกรพูด หมายถึงภูพันวา ที่ตั้งกองกำลังกู้ชาติ ซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของพันวาสี

ฐานหน้า เออ ใช่แล้ว พอเอ็งพูดถึงฐานหน้า ข้าพอจะนึกอะไรออก พันแสนทำท่านึกอะไรออก

อะไรว่ะร้อยล้าน

จำได้ไหม ว่าคีรันเขาก็มีเชื้อสายทางเจ้าหลวงเหมือนกัน พันแสนทวนความทรงจำเพื่อนเกี่ยวกับผู้นำกองกำลังกู้ชาติพันวาสี

  เขาว่าเป็นญาติห่างๆทางเจ้านางหลวง ไม่ใช่เหรอ พันกรพอนึกได้เลาๆ

นั่นแหละ เท่าที่ข้าจำได้นะ เพราะข่าวมันนานมากแล้ว เขาว่าเจ้าหลวงท่านมีทายาทด้วยนะ แต่พอถูกนายพลเตราห์ยึดอำนาจ ข่าวเกี่ยวกับทายาทท่านก็มีหลายกระแส พันแสนพยายามรื้อฟื้นความทรงจำเกาๆและเล่ารายละเอียดเท่าที่พอจะนึกขึ้นมาได้

สุดท้ายข่าวก็ว่าท่านสิ้นไปพร้อมกับเจ้าหลวงไม่ใช่หรือไง พันกรนึกถึงข่าวล่าสุดของทายาทเจ้าหลวงหลังจากมีการยึดอำนาจโดยนายพลเตราห์ ซึ่งเป็นข่าวคราวสุดท้ายพร้อมกับความสงบภายใน สงบจนยากจะคิดว่าเป็นความสงบอย่างแท้จริง แต่เป็นการสงบที่รอเวลาปะทุมากกว่า

แต่บางกระแสก็ว่าท่านถูกส่งออกนอกพันวาสี ก่อนเกิดเหตุการณ์ พันแสนให้ข้อมูลตามกระแสข่าวที่เคยได้ยินมา พยายามโยงเรื่องในอดีตเข้ากับข่าวที่เพิ่งจะได้ยินตอนนี้ นายน้อย อาจหมายถึง ทายาทของเจ้าหลวงองค์ก่อนก็ได้นะ

ก็ข่าวเขาว่า ท่านเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย พันกรก็ยังไม่หายสงสัย

นั่นสิ ก็ชาวบ้านเขาเรียก นายน้อย ถ้าเป็นลูกสาวเขาก็ต้องเรียกเจ้านาง ไม่ใช่เหรอพี่แสน ปันนรีสนับสนุนความเห็นของพันกร

จะเรียกยังไงก็ได้ทั้งนั้น เพื่อความปลอดภัย และเป็นการตบตาคนที่ไม่หวังดี พันแสนให้เหตุผล

ก็อาจเป็นไปได้นะ ที่น่าสงสัยคือ ทำไมทหารของนายพลมาลาดตระเวนถึงนี่ได้ พันกรหันไปมองกลุ่มทหารที่มีประมาณ 4-5 นาย ที่เดินลาดตระเวนใกล้ๆร้านที่พวกเขานั่งอยู่

 นายพลอาจจะได้กลิ่นอะไรมาบ้างนะสิ ปันนรีคาดการณ์

เลยออกมาหาข่าวจากชาวบ้าน หรืออีกทีก็ออกมาล่าสังหาร พันกรยักไหล่ก่อนพูดเบาๆ เงียบ..  เพราะสายตามองเห็นทหารคนหนึ่งกำลังเดินมาใกล้ๆโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

แล้วการที่เจ้าน้อยคืนฐานหน้า มันมีความหมายอะไร ปันนรีพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทหารคนนั้นเดินผ่านไปแล้ว

โธ่ ยัยปัน แกไม่รู้หรือยังไงคนในพันวาสีน่ะเขารักและเทิดทูนองค์เจ้าหลวงขนาดไหน พอๆกับที่คนไทยรักและเทิดทูนในหลวงนั่นแหละ

ก็พอรู้ล่ะพี่ และเข้าใจด้วยว่าการที่ทายาทเจ้าหลวงกลับมาจะมีผลต่อชาวบ้านยังไง แต่ที่ไม่เข้าใจคือมันมีผลอะไรต่อท่านนายพลต่างหาก ปันนรีอธิบายหลังซดกาแฟอึกสุดท้ายหมดแล้ว

ก็ข่าวอีกนั่นแหละ ที่บอกว่าถ้านายพลจะครองอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ จะต้องมีตราราชวงศ์อยู่ในมือเสียก่อน พันกรยังไขข้อข้องใจของปันนรีไม่ได้อยู่ดี จึงมีเสียงตามมาอีกว่า

ก็แล้วมันเกี่ยวยังไงกับทายาทท่านเล่าพี่กร คราวนี้ปันนรีชักจะรำคาญคนท่ามาก

เขาบอกว่าทายาทเจ้าหลวงน่ะ กุมความลับเรื่องที่ซ่อนตราราชวงศ์ไง เมื่อเห็นสีหน้าของคนขี้รำคาญ คนท่ามากก็ยอมเฉลย

อ๋อ เข้าใจหล่ะ เอ๊ะ ว่าแต่ ตราราชวงศ์เนี่ย มีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไงล่ะพี่กร

ก็เขาเรียกราชวงศ์กิ่งแก้ว ตราก็คงไม่พ้นอะไรๆที่เกี่ยวกับดอกแก้วกระมัง พันกรอธิบายและคาดเดาไปด้วย

เออ จริงด้วย ตั้งแต่ก้าวเข้าเขตพันวาสี ฉันเห็นต้นแก้วเต็มเลย ในตลาดนี้ก็มีปลูกอยู่แทบทุกร้านเลยด้วย แต่พันธุ์นี้ดูไม่เหมือนที่เคยเห็นที่บ้านเรานะพี่

  เรื่องดอกแก้วก็ต้องถามร้อยล้านโน่น ว่าไงแกรู้จักไหม ไอ้ต้นแก้วที่ยันปันเห็นเนี่ย

จากที่นั่งฟังคนที่เป็นทั้งเพื่อนและญาติคุยและถกข้อสงสัยกันไปมาอยู่นาน ตอนนี้พันแสนต้องเป็นคนตอบคำถามปันนรีบ้าง ในขณะที่พันกรทำท่าบอกใบ้ให้ทั้งสองรู้ว่าจะไปเดินดูแถวๆนี้หน่อย เผื่อจะมีข่าวอะไรเพิ่มเติมมาเป็นข้อมูลบ้าง

พันธุ์ที่เขาปลูกที่นี่เขาเรียกแก้วหิมาลัย มีต้นกำเนิดจากอินเดีย ที่ปันเคยเห็นส่วนใหญ่ก็เป็นแก้วธรรมดา หรือแก้วการะบุหนิงที่มาจากอินโดนีเซีย พันแสนพูดพลางยกกาแฟขึ้นจิบ

แล้วมันต่างกันยังไงล่ะพี่แสน คนขี้สงสัยก็ยังสงสัยต่อไป

สังเกตง่ายๆ แก้วหิมาลัยใบและดอกจะกลมมน สีจะเขียวสดกว่า ดอกจะทนกว่า ส่วนอีกสองแก้วใบและดอกเรียวแหลม สีออกเขียวน้อยกว่า กลีบดอกบาง แตะนิดเดียวก็ร่วงแล้ว ที่สำคัญแก้วหิมาลัยจะมีความทนกว่า ทนกับทุกสภาพ ปลูกยังไง สภาพไหนก็ได้ ไม่ถึงกับตาย เหลือใบกับต้นแต่อาจจะไม่ให้ดอกเท่าที่ควร ถ้าเป็นเรื่องดอกแก้วล่ะก็พันแสนสามารถอธิบายได้ยาวทีเดียว คราวนี้คนขี้สงสัยถึงบางอ้อ

ถึงว่าสิ ชาวพันวาสีถึงได้มีความอดทน อดกลั้น ได้นานขนาดนี้ ยี่สิบกว่าปีนี้นานจริงๆนะ ปันว่านานเกินไปสำหรับหลายๆคน แต่คนที่นี่ พี่เห็นแววตาเขาไหม ดูมันมีประกายความหวังติดอยู่ตลอดเวลา

ความรักความเทิดทูนเจ้าหลวงเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้เขาอดทนรอ และความหวังเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหัวใจชาวพันวาสีทุกคน

นั่นสิเน๊าะ ปันก็ว่างั้น อ้าว พี่กรกลับมาแล้วเหรอ มีอะไรดีๆบ้างไหม ปันนรีทักเมื่อเห็นพันกรเดินกลับมาที่โต๊ะ

ยืนยันคำเดิม นายน้อยคืนฐานหน้า พันกรพูดเปรยๆ ท่าทางเรื่อยๆ ตามสไตล์

งั้นก็ถือเป็นข่าวสำคัญจริง ถึงได้กระจายกันเร็วนัก พันแสนพูดขณะที่สายตาสังเกตความผิดปกติรอบๆตัว

ขยายวงกว้างขนาดนี้เขาไม่กลัวพวกทหารของท่านนายพลบ้างหรือไง ปันนรีทำน้ำเสียงเป็นกังวลราวกับเป็นคนพันวาสีซะเอง

เขาอาจจะตั้งใจให้ทหารได้ยินก็เป็นได้นะปัน

ก็แหงล่ะเอ็ง ตั้งใจซะขนาดเรายังรู้เรื่อง แล้วทหารจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง นี่แต่ละคนก็แยกแยะไม่ออกด้วยซ้ำว่าพวกใครเป็นพวกใคร ปากพันกรพูดในขณะที่สายตาก็พยายามสังเกตสถานการณ์รอบตัวไปเรื่อยๆ

แล้วไมพี่แสนว่า เขาตั้งใจให้ทหารได้ยินล่ะ หน้าตาปันนรีเหรอหรา

 ก็เป็นทั้งแผนลวง และ เป็นทั้งแผนปกป้องคุ้มครองไปในตัว พันแสนคาดการณ์ตามนิสัยคนช่างสังเกตตามแบบทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดี และด้วยความที่เจ้าตัวต้องประจำในพื้นที่ที่มีปัญหา ยิ่งทำให้เขาเป็นคนหูตาไวไปด้วย

แผนลวงยังไงล่ะพี่

ถ้าข่าวมาแพร่แถวนี้ ทหารก็คิดว่า นายน้อยจะคืนฐานจากตรงนี้เข้าเมืองหลวง แล้วก็ไปโผล่ที่ฐานภูพันวา พันกรพอจะเข้าใจเพราะเขาก็พอจะเดาเกมได้ แต่จะตรงเป้าหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่อง

แต่จริงๆแล้ว นายน้อยอาจจะไปอยู่ชายแดนฝั่งไหนของพันวาสีก็ได้ พันแสนอธิบายต่อจากพันกร

หรือป่านนี้อาจจะเดินโท่งๆอยู่ในเมืองหลวงแล้วก็เป็นได้

หรืออาจจะยังอยู่แถวๆนี้ก็เป็นไปได้อีก พันแสนสรุปปิดท้ายข้อสงสัยของน้องสาว

อ๋อ คราวนี้ปันเข้าใจล่ะ ที่ว่าปกป้องคุ้มครองไปในตัว ก็เพราะว่ายิ่งชาวพันวาสีรู้ข่าวเรื่องนายน้อยคืนฐานมากเท่าไหร่ คนเหล่านั้นก็จะช่วยกันเป็นหูเป็นตาเป็นเกราะป้องกันนายน้อยให้ปลอดภัยจนถึงภูพันวานั่นเอง ปันนรีลากเสียง อ๋อ ยาวกว่าปกติ

เก่งนี่ยัยปัน ไม่เสียแรงที่เป็นน้องพี่ พันกรพูดพลางตบหัวตบหางน้องสาวไปพลาง ปันนะรีทำหน้าค้อนใส่ ทำท่าหลบหลีกวุ่นวาย ปากก็ขมุบขมิบ

  มาลูบๆแบบนี้ เห็นน้องเป็นไอ้ตูบที่บ้านไปได้  เอ๊ะ พี่แสน แล้วชาวบ้านเขามั่นใจได้ยังไงว่าเป็นนายน้อยตัวจริง

ก็ถ้าเขารอคอยกันมานานถึง 20 ปี พี่ก็ว่าเขาต้องมั่นใจแหละ  พวกนี้เขาทำงานกันเป็นทีมดีที่เดียว ไม่งั้นคงไม่ทำให้ท่านนายพลดิ้นพล่านมาถึงทุกวันนี้หรอก

อีกอย่างนะพี่แสน ข่าวก็สับสนว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ปันนรียังไม่หายข้องใจ ถามด้วยความสงสัย จริงๆแล้วตอนที่เกิดเหตุการณ์ท่านอายุเท่าไหร่เชียว ประโยคหลังเหมือนเปรยๆด้วยความเห็นใจมากกว่าต้องการคำตอบ

เอาน่ายัยปัน ตอนนี้เราบุกมาถึงพันวาสีแล้ว มีเรื่องต้องทำอีกเยอะ แกได้รู้เรื่องที่อยากรู้แน่ ตอนนี้พี่ว่าเราออกเดินทางกันเถอะ เราต้องไปอีกไกลกว่าจะเขาเขตเมืองหลวง พันกรตัดบทก่อนที่พันแสนจะถูกคนขี้สงสัยซักไปมากกว่านี้

พันแสนและพันกรรอปันนรีที่เดินเข้าไปเคลียร์ค่าอาหารเช้ากับเจ้าของร้าน เมื่อเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนจึงเริ่มออกเดินทาง จุดหมายปลายทางอยู่ที่ฐานภูพันวา ฐานหน้าของกองกำลังกู้ชาติของผู้พันคีรันนั่นเอง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น